วัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน
รวบรวมบทความเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านไว้ให้คุณที่เดียว เพื่อประกอบการตัดสินใจในการแต่งบ้านสวยๆค่ะ
1. 1.เริ่มกันเลยที่วัสดุประเภทเหล็ก สแตนเลส อลูมิเนียม ว่าแตกต่างกันอย่างไร
-เหล็ก คือวัสดุพื้นฐานในงานก่อสร้างหรืองานประเภทต่างๆ แบ่งออกเป็นวัสดุ2ประเภทเหล็ก (iron) และ เหล็กกล้า (steel) ข้อดีของเหล็กสามารถรับน้ำหนัก แข็งแรง และมีอายุการใช้งานนานๆ ส่วนข้อเสียของเหล็กนั้นคือเป็นสนิมง่าย ควรหมั่นดูแลรักษาอย่างถูกวิธี งานเหล็กส่วนใหญ่นิยมทำสีกันสนิมรองพื้นก่อน1ชั้น จากนั้นจึงค่อยทำสีต่างๆตามความต้องการ และเมื่อเทียบราคาเหล็กนั้นถืออยู่ในระดับปานกลางไม่สูงจนเกินไปจึงได้รับความนิยมมากที่สุดในงานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
-สแตนเลสเป็นวัสดุอเนกประสงค์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลายเนื่องจากมีความต้านทานการกัดกร่อนสูงและคุณลักษณะที่น่าสนใจ มีสแตนเลสสตีลหลายเกรด เป็นสารผสมหลักที่จะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการเกิดสนิม และการกัดกร่อนต่างๆ แต่ละเกรดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานมากที่สุด
-เกรดสแตนเลสที่พบบ่อยที่สุดพร้อมแยกประเภทตามการใช้งานข้อมูลเพิ่มเติม>>>
1. สแตนเลส 304 เป็นเกรดของสแตนเลสที่มีความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนและได้รับความนิยมใช้ในงานทั่วไป เนื่องจากคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนสูง และที่สำคัญยังสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มและงานจำพวกเคมี นอกจากนี้ สแตนเลส 304 ยังใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมที่มีการใช้สารเคมีประเภทเบนซีน และในการผลิตอุปกรณ์ที่ต้องการความสะอาด ดังนั้น สแตนเลส 304 เป็นเกรดของสแตนเลสที่สามารถใช้งานได้หลากหลายในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในสายอาหารและเครื่องดื่ม และสภาพแวดล้อมทั่วไปที่ไม่ต้องการความต้านทานต่อสารเคมีหรือแรงดันในอากาศสูง
2. สแตนเลส 316 สแตนเลสเกรดนี้มีการทนต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือแรงดันในอากาศสูง เช่น ในอุตสาหกรรมเคมี โรงงานปิโตรเคมี หรือโรงงานที่มีการใช้สารเคมีหรืออุณหภูมิสูง เช่น หม้อไอน้ำหรือเครื่องทำน้ำร้อน นอกจากนี้ สแตนเลส 316 ยังมีการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากมีความสะอาดและไม่มีสารพิษที่มาจากเศษของโลหะสแตนเลส
3. สแตนเลส 430 สแตนเลสชนิดนี้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนน้อยกว่า 304 และ 316 แต่มีความทนทานต่อความร้อนสูงและมักใช้ในการใช้งานที่จำเป็นต้องมีความต้านทานความร้อน เช่น ระบบไอเสียของรถยนต์ และเครื่องใช้ในครัว เช่น เตาอบและไมโครเวฟ อีกทั้งยังใช้ในงานทำกระจกเงาและอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ดีเช่นกัน แต่เนื่องจากความคงทนน้อยกว่าสแตนเลสเกรดอื่น การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือกับอาหาร เครื่องดื่มที่มีกรดสูงไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไร เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายทำให้เศษของสแตนเลส หลุดร่อนลงไปผสมกับ อาหารและเครื่องดื่มได้
4 สแตนเลส201 เป็นสแตนเลสที่มีความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อน แต่ความแข็งแรงต่ำกว่าสแตนเลสเกรดอื่นๆ เช่น สแตนเลสเกรด 304 และ 316 อย่างไรก็ตาม สแตนเลสเกรด 201 ด้วยราคาที่ถูกกว่าสแตนเลสเกรดอื่น และสามารถใช้งานในการผลิตอุปกรณ์ในครัวเรือนและอุตสาหกรรมเบ็ดเตล็ดได้ เช่น กระทะ ภาชนะใส่อาหาร รถเข็นอาหาร ชั้นวางของ และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม สแตนเลสเกรด 201 ก็ยัง ไม่เหมาะสมสำหรับงานที่ต้องการความคงทนต่อการกัดกร่อนและความแข็งแรงสูงเหมือนกับสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เช่น งานในโรงงานอาหาร หรืองานที่ต้องมีความสะอาดสูง เช่น อุปกรณ์ ทางการแพทย์ ดังนั้น การเลือกใช้สแตนเลสเกรด 201 หรือสแตนเลสเกรดใดๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน และความต้องการเฉพาะของาน
สแตนเลส หรือ Stainless Steel เป็นวัสดุโลหะที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อน มีความแข็งแรงสูง สามารถทนต่อความร้อนได้ดี และมีความสวยงามเหมาะสำหรับการใช้งานในที่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร และกลุ่มอุตสาหกรรม สแตนเลสมีหลายเกรด แต่ส่วนใหญ่จะใช้งานเกรด 304 และ 316 เนื่องจากมีความทนทานและความสามารถในการรับมือกับสภาพแวดล้อมในการใช้งานได้ดี มีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดยแต่ละเกรดมีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกใช้งานสแตนเลสต้องพิจารณาความต้องการและลักษณะการใช้งานเพื่อเลือกใช้งานเกรดที่เหมาะสมที่สุด
-อลูมิเนียม (Aluminium) คือ วัสดุที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน ส่วนภาคครัวเรือนมีใช้มากในการก่อสร้าง และตกแต่งบ้าน ทดแทนไม้ และเหล็ก เนื่องจากเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติคงทนต่อการหัก ความร้อน การกัดกร่อน น้ำหนักเบา และมีความสามารถในการสะท้อนแสง และความร้อนได้ดี มักใช้ในงานก่อสร้าง งานตกแต่ง เช่น การทำประตู หน้าต่าง ฝ้า ราวกั้น และโครงสร้างต่างๆ สีของอลูมิเนียมจะมีสีขาวเหมือนเงิน เนื้อจะมันวาวไม่หมองง่าย ข้อดีของอลูมิเนียมคือ ดูดี ง่ายต่อการผลิต ต่อต้านการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี และเพื่อป้องกันการเกิดการกัดกร่อน สาเหตุของการเกิดสนิมเหล็กกับโลหะโดยทั่วไป เช่น เหล็ก ไม่สามารถสร้างปฏิกิริยาได้ เหล็กและโลหะทั่วไปจึงเกิดสนิมได้
ข้อมูลเพิ่มเติม>>>
สุดท้ายนี้ประเภทวัสดุแต่ละชนิดที่กล่าวมาข้างบนนั้น มีคุณสมบัติ ลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เราควรคำนึงจุดปประสงค์ของการใช้งาน หากเรื่องความคุ้มค่า ความสวยงาม งานประเภทเฟอร์นิเจอร์แล้ว แนะนำให้เลือกใช้วัสดุสแตนเลส มีที่มีคุณสมบัติกันสนิม น้ำหนักเบา มีความสวยงาม จึงจะเหมาะสมมากที่สุด
ไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์ได้พัฒนาไปไกลมาก มีการใช้วัตถุดิบต่างๆ มาทำเฟอร์นิเจอร์มากมาย ทั้งวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ แบบ 100% และวัตถุดิบแบบสังเคราะห์ โดยที่แต่ก่อนมีเพียงไม้อัด หรือไม้แท้ที่นำไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น โดยตอนนี้มีไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ชนิดอื่นๆ อีก ซึ่งง่ายต่อการประกอบและขนย้ายมากขึ้น มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์กัน.. ไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ มีให้รู้จักทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่..
1.“ไม้ปาติเกิล” หรือ “Particle Board”
ส่วนมากจะเป็นการนำเศษไม้ยางพาราขนาดเล็ก แต่ไม่ได้บดละเอียดถึงกับเป็นผง หรือที่เรียกว่า “ขี้เลื่อย (Sawdust หรือ Wood Dust)” โดยขี้เลื่อยเหล่านี้จะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน บางเศษก็มีขนาดใหญ่ บางเศษก็มีขนาดเล็ก แล้วนำมาผ่านกรรมวิธีอัดบดเป็นแผ่นผสมกาว และผ่านกระบวนการทางเคมีจนได้แผ่นไม้ต่างขนาดกัน อาทิ แผ่นไม้ขนาด 1.20 x 2.45 เมตร โดยความหนาของไม้ที่นิยมใช้มาทำเฟอร์นิเจอร์ จะมีความหนาต่อแผ่นอยู่ที่ประมาณ 15 มิลลิเมตร และ 25 มิลลิเมตร เท่านั้น แล้วแต่คุณภาพ โดยพื้นผิวด้านนอกนั้นส่วนใหญ่แล้ว ทางผู้ผลิตไม้ปาติเกิล จะปิดทับด้วย กระดาษพิมพ์ลายไม้ แผ่นฟอยล์ (Foil) หรือ แผ่นเมลามีน ก่อนการใช้งาน งานไม้ชนิดนี้นิยมนำไปทำเฟอร์นิเจอร์อันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีราคาต้นทุนที่ต่ำมาก และด้วยความที่เศษไม้ เศษขี้เลื่อยมีขนาดไม่เท่ากัน แต่ถูกนำมาอัดนั้น จึงอาจจะทำให้มีอากาศแทรกอยู่ด้านในระหว่างช่องว่างของเศษขี้เลื่อยด้านในได้ด้วยเช่นกัน
ข้อดีไม้ปาติเกิล
– ราคาถูกมาก
– มีน้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก
– เป็นที่นิยมใช้กันในวงกว้าง หาซื้อได้ง่าย
ข้อเสียไม้ปาติเกิล
– วัตถุดิบโดยรวม ไม่แข็งแรง
– ไม่สามารถโดนน้ำได้ เพราะอาจจะยุ่ย เปื่อยได้ ที่โดนน้ำได้เป็นเพราะพื้นผิวด้านนอก ที่ปิดทับช่วยเอาไว้
– ไม่สามารถพ่นสีบนตัวงานได้
– ปิดผิว PVC ได้แบบไม่เรียบแปล้ เนื่องจากขี้เลื่อยที่นำมาบดอัดมีขนาดไม่เท่ากัน
– อาจมีเชื้อราขึ้นได้ ต้องหมั่นคอยดูแล อย่าให้ห้องมีความชื้น
2.“ไม้ MDF”
ซึ่งคำว่า MDF นี้ย่อมาจากคำว่า “Medium-Density Fiberboard” หรือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง โดยไม้ชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับ ไม้ปาติเกิล (Particle Board) คือเอาเศษขี้เลื่อยของไม้ยางพารามาบดอัด ดั่งที่ได้กล่าวมาด้านบน แต่ว่า ไม้ MDF จะต้องผ่านกระบวนการอัดไม้ ด้วยเครื่องบดอัดไม้เฉพาะที่มีแรงอัดสูงมาก พร้อมกับความร้อน ด้วยเครื่องจักรเฉพาะทาง ความหนาแน่น จะอยู่ประมาณ 500 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3) ขึ้นไป ด้วยกระบวนการผลิตที่มีความละเอียด ซับซ้อนขนาดนี้ จึงทำให้เนื้อไม้ มีความแน่น ละเอียด ผิวเนียนมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล แม้ว่าส่วนใหญ่ ไม้ MDF จะเศษขี้เลื่อยของ ไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา แต่บางโรงงานถ้าอยากผลิตไม้ MDF ที่มีคุณภาพดีหน่อย เขาจะนำไม้ท่อน มาบดอัดแทนเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีกว่า
โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ MDF ที่ขายกันตามท้องตลาด อยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น สามารถบวกลบ (±) ได้นิดหน่อย เรื่องความหนาของแผ่นไม้ MDF ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25 มิลลิเมตร กันเลยทีเดียว ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบ หรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์
โดยพื้นผิวด้านนอก ของ ไม้ MDF นั้นสามารถปิดผิว ได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การปิดผิวด้วย กระดาษลายไม้ หรือลายอื่นๆ หรือจะ ปิดพื้นผิวด้านนอก ด้วยพีวีซี (PVC) ก็จะมีความแข็งแรงขึ้นมาอีกหน่อย รวมไปถึง การพ่นสีทับไปบนพื้นผิวด้านนอก ได้เช่นกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ จะได้งานไม้ที่มีความเรียบเนียนกว่างานไม้ปาติเกิลบอร์ดมากๆ ขึ้นรูปได้สะดวก เจาะรูง่าย ทำออกมาเป็นชิ้นงานง่ายขึ้น เน้นเรื่องการทำสีเป็นส่วนใหญ่ และราคาถูกกว่าไม้อัด อยู่พอสมควร
ข้อดีไม้ MDF
– ความหนาแน่น (Density) ของแผ่นไม้สูงกว่า ไม้ปาร์ติเกิ้ล
– ผิวละเอียด เรียบเนียน สม่ำเสมอ ตลอดทั้งแผ่น
– มีความแข็งแรงมากกว่ากว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า
– สามารถพ่นสี ทาสีลงเข้าไปในเนื้อไม้ได้
– สามารถทนน้ำได้ดีกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล
ข้อเสียไม้ MDF
– มีราคาที่สูงกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล
– มีน้ำหนักมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล เนื่องจากเนื้อไม้มีความหนาแน่นมากกว่า
– ต้องระวังเรื่องความชื้น และ การโดนน้ำเช่นกัน แม้จะทนกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ลก็ตาม
– ขณะตัดไม้ จะมีฝุ่นเป็นจำนวนมาก ช่างไม้ และ ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องระวังให้ดี
3.“ไม้อัด” หรือ “Plywood”
ถือเป็นไม้ที่มีคุณภาพดีขึ้นมาอีกระดับ พูดง่ายๆ คือดีกว่าทั้ง ไม้ MDF และ ไม้ปาร์ติเกิ้ล
ในแง่ของความทนทาน แข็งแรง และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่น การกันน้ำ กันปลวก เป็นต้น เพราะกระบวนการ การผลิต แรกเริ่ม ไม่ได้นำเอาไม้มา โดยส่วนใหญ่ ไม้อัด จะมีกระบวนการผลิตโดยที่ นำไม้มาปอกเปลือกชั้นนอกที่ตะปุ่มตะป่ําออกไปออกไป ต่อไปเป็นกระบวนการ ทำให้บาง และ อัดเป็นชั้นๆ จนแน่น หลังจากนั้นนำไปผ่านกระบวนการทางเคมี ซึ่งอาจเป็นการนำมาผสมกับกาวร้อนหรือกาวเย็น ตามสูตรเฉพาะ ของโรงงานผลิตไม้ในแต่ละที่ และ ปิดผิวด้วยเยื่อบุไม้ ซึ่งไม้อัด นั้นก็ทำมาจากไม้ชนิดต่างๆ หลากชนิด ถือว่ามีหลากหลายเอามากๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิต หรือ ลูกค้า จะเอาไม้ชนิดใด ประเภทใด มาอัดขึ้นรูปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น
ไม้อัดยาง หรือ ไม้ยางพาราประสาน
ไม้อัดสัก
ไม้อัดสักอิตาลี
ไม้อัดแฟนซี หรือ ไม่อัดลวดลาย
ไม้อัดแอชจีน
ไม้อัดแอชอเมริกา
ไม้อัดบีช
ไม้อัดเชอรี่ ในลายต่างๆ
โดยคุณสมบัติของ ไม้อัด นั้นนอกจากจะมีความคงทน แข็งแรง แล้ว ทางผู้ผลิตหรือจัดจำหน่าย บางแห่งก็จะพ่วงเอาคุณสมบัติพิเศษ มาให้เลือกใช้กันอีกด้วย อย่างเช่น ความสามารถของการกันน้ำ กันปลวกและแมลงจำพวกกินเนื้อไม้ได้ เป็นอย่างดี ที่เขาจะใช้กาวชนิดพิเศษในการยึดเนื้อมา ผสมกับน้ำยากันปลวก เข้าไปในแต่ละชั้นของไม้ ด้านนอกอาจจะมีการทาน้ำยาพิเศษเคลือบและนอกจากนี้แล้ว สามารถนำไปปิดผิวเพิ่มเติมเองได้ และยังแยกออกเป็น 3 ประเภท คือ ไม้อัดชนิดใช้ภายใน (Interior Plywood), ไม้อัดชนิดใช้ภายนอก (Exterior Plywood), ไม้อัดชนิดใช้งานชั่วคราว (Temporary Plywood)
ส่วนขนาดความหนามาตรฐานของไม้อัดก็มีตั้งแต่ประมาณ 3 มิลลิเมตร ถึง 20 มิลลิเมตร ส่วนขนาดของแผ่นไม้ที่จำหน่ายกันทั่วไป ในท้องตลาด ก็จะเป็นขนาดมาตรฐาน เหมือนกับกับไม้ชนิดอื่นๆ นั่นคือ อยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) นั่นเอง
ข้อดีไม้อัด
– ไม่บิดงอได้ง่ายๆ และ คงทน แข็งแรง
– สามารถป้องกัน หรือ โดนน้ำได้ในระดับนึง
– สามารถทนความชื้นต่างๆ ได้เช่นกัน
– สามารถกันปลวกได้
– มีความสวยงาม ผิวดูเรียบ และมีออปชั่นให้เลือกมากมาย
ข้อเสียไม้อัด
– ราคาค่อนข้างสูง
– มีน้ำหนักมาก
4.“ไม้จริง” หรือ “ไม้แท้ (Wood)”
จะสามารถแยกออกได้ ไปหลากหลายชนิดเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว เนื้อไม้ของไม้แท้ กับอายุของเนื้อไม้ที่โตแล้ว ก็มีความแตกต่างกันมากในเรื่องของราคาและการนำมาใช้งาน แม้จะเป็นไม้ประเภทเดียวกัน ชนิดเดียวกันก็ตาม ส่วนใหญ่จะนับเป็นแบบ หน้าไม้ท่อน ตั้งแต่ 1 นิ้วขึ้นไป เรื่องความหนาไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะเป็นไม้เนื้อเดียว จากธรรมชาติเลยจริงๆ ไม่ได้ถูกบด แล้วนำมาบีบอัดทีหลัง เหมือนไม้ที่กล่าวมาด้านบน ดังนั้นความทนทานจะสูงมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำการอบน้ำยาเพื่อป้องกันเชื้อรา แมลง ปลวก มอดกินไม้ ต่างๆ ด้วย
ข้อดีไม้แท้
– มีความแข็งแรง คงทน (ถ้าอายุไม้อยู่ในระดับที่พอดี)
– มีความสวยงาม และ ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสกับ ลวดลายไม้ เห็นเนื้อไม้ จากธรรมชาติ จริงๆ
ข้อเสียไม้แท้
– มีราคาแพงสุด หายาก
– ต้องดูดีๆ ว่า ไม้แท้ ที่ได้มาทำเฟอร์นิเจอร์ มีอายุเก่าแก่มากน้อยเพียงใด ถ้าได้อายุน้อยๆ ก็อาจจะไม่แข็งแรงได้
– ต้องระวังเรื่องปลวก และ แมลง ต่างๆ กระบวนการทาน้ำยาเคลือบรักษาเนื้อไม้ จึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
– ควรหมั่นทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ อย่างสม่ำเสมอข้อมูลเพิ่มเติม>>>
3.ชนิดของวัสดุหุ้มโซฟา
ปัจจุบันมีวัสดุหลายอย่างให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็น หนังแท้ หนังเทียม หนังPU PVC หรือ ผ้า ซึ่งแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ลองอ่านสักนิด จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อโซฟา หรือ เก้าอี้พักผ่อนเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณได้ง่ายขึ้น
1.โซฟาเบดหนังเทียม
หนังเทียมที่มีคุณสมบัติ ที่ดีในการใช้ทำโซฟา จะเป็นหนังเทียมชนิด PU ซึ่งมีแยกย่อยหลายชนิด หลายความหนา หลายผิวสัมผัส การสังเคราะห์หนังเทียม PU ขึ้นนั้น ก็เพื่อทดแทนการใช้งานหนังแท้ที่มีราคาสูง โดยผ่านกรรมวิธีและเลียนแบบให้ใกล้เคียงกับหนังแท้มากที่สุดด้านในจะมีลักษณะเป็นขน ส่วนด้านนอกมีผิวเป็นเงามันจึงทำให้ผิวสัมผัสนุ่ม เมื่อนำไปใช้ทำโซฟาเบด ขั้นตอนการผลิตหนังเทียม PU นั้นสะอาด ไร้มลพิษตกค้างจะเห็นได้จากการผลิตสินค้าต่าง ๆแม้แต่ของเด็กเล่นในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น ทางยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นก็นิยมใช้พลาสติก PU เป็นวัตถุดิบ ในการผลิตหนังเทียม PU ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าหลายประเภท แม้ว่าจะยังมีราคาสูงและมีอายุการใช้งาน แต่จากการรณรงค์ต่อต้านการฆ่าสัตว์ จึงทำให้การใช้หนังเทียม PU ยังคงมีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีให้เลือกหลายเกรด หลายแบบ ทางร้านขอยกตัวอย่างเฉพาะ PU บางชนิดที่นิยมใช้กัน เช่น
-PU นิยมใช้ ผลิต โซฟาเบดมากที่สุด เนื่องจากมีสีให้เลือกหลากหลาย เลือกระดับความนิ่มของหนังได้ มีหลายเกรด ราคาไม่แพง
-PU ชนิด JU เป็นหนังเทียมที่มีความคล้ายกัน ราคาใกล้เคียงกัน ต่างที่ JU จะนิ่มกว่า บางคนเรียกหนังนิ่ม หนังนุ่ม สีโทนนุ่มนวลกว่า พียู
-PU Bicast คือ หนังพียู ที่มีความเงา บางคนเรียกหนังเงา หนังแก้ว ความเงาทำให้โซฟามีความหรู และดูโดนเด่นขึ้น โดยเฉพาะ
-PU ชนิดหนา เนื่องจาก หนังพียู มีการผลิต มากมายหลายโรงงาน จึงมีหลายเกรด ของความหนา เพื่อ ให้อายุงานนานมากขึ้น เนื่องจาก หนากว่า พียู ทั่วไป โซฟาเบด จะมีอายุงานนานขึ้น
-PU ผ้าไหม เป็นการใช้เทคนิคการผลิตหนังให้มีสัมผัสคล้ายผ้าไหม คือ เรียบ นุ่ม ลื่น ดูหรูหรา และมีอายุการใช้งานนานกว่า หนัง PUธรรมดา
-PU เกรดพรีเมียม หนังพรีเมียม เป็นชื่อเรียก กลุ่มของหนังเทียม ที่มีราคาสูง ส่วนใหญ่เป็นวัสดุนำเข้า เนื้อ หนา นุ่ม ระบายความร้อนได้ดี ราคาสูง ทำความสะอาดง่าย
2.โซฟาเบดหนัง PVC
หนัง PVC เป็นหนังเทียมอีกชนิดหนึ่ง สามารถพิมพ์ความหนาได้ตั้งแต่ 0.3 mm. ซึ่งหากเป็นชนิดที่มีความหนามากๆ อาจเรียกว่า PD จะช่วยให้หนังมีความเหนียว อายุการใช้งานนานขึ้นกว่าหนัง PVC ชนิดบาง เฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะกับหนัง PVC ใช้สำหรับโซฟา ที่ใช้ในสตูดิโอถ่ายภาพให้เช่า ร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟ ร้านสปา รีสอร์ท โรงแรม หรือสถานที่ ที่มีการใช้งานบ่อย และมีกำหนดเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทุก 3-5 ปีการใช้เฟอร์นิเจอร์หุ้ม PVC มีราคาไม่สูง หากมีการเลอะ ก็จะไม่ค่อยเสียดายเท่าไร
3.โซฟาผ้า
โซฟาผ้า เป็น โซฟา ที่มีความหลากหลายมากที่สุด มีให้เลือกหลายสี หลายลายหลายเกรด มีทั้งแบบราคาตัวละ 2,000 ไปจนถึงตัวละเป็นแสน เหมาะกับคนที่ชอบโซฟามีสีสันสดใส ชอบลวดลาย ที่อยู่ในผ้าซึ่งทำให้ โซฟามีความทันสมัย ปัจจุบัน เทคโนโลยี ในการผลิตผ้า มีการพัฒนาไปมาก จึงทำให้มีผ้าที่มีคุณสมบัติ พิเศษ เช่น ผ้ากันน้ำ ผ้ากันไฟลาม ผ้ากันรอยขีดข่วน ผ้ากลุ่มนี้จะมีราคาสูง ซึ่งทางร้านจะเรียกผ้าพรีเมียม
ข้อดีโซฟาเบดผ้า |
ข้อเสียของโซฟาเบดผ้า |
มีแบบสี และลวดลายให้เลือกมากมาย |
ทำความสะอาดยาก ทั้งเรื่องฝุ่น เรื่องน้ำ |
มีหลายราคาให้เลือกตามงบประมาณที่มี |
|
ระบายความร้อนได้ดี |
|
อายุการใช้งานนาน |
|
4.วัสดุกึ่งผ้า กึ่งหนัง
-PU ลายหนังช้าง ชื่อ เรียกเป็น พียู แต่ จริงๆ เป็นผ้า ที่ทำให้มีลายคล้ายหนังช้าง ดูผ่านๆ คล้ายหนัง แต่สัมผัสจริงจะนุ่มคล้ายผ้า มีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี ไม่แตกลาย ไม่กันน้ำ
-ชามัวร์ เป็นชื่อเรียก วัสดุ ผ้าลายหนัง อีกชนิดนึง ลายต่างจากหนังช้าง แต่คุณสมบัติเหมือนกัน คือ ระบายความร้อนดี นิ่ม ไม่แตกลาย แต่ไม่กันน้ำ
-PU Softtech เป็นผ้าลายหนัง ที่ทำโซฟาเบด ออกมาได้สวยคล้ายหนัง คุณสมบัติ เป็นผ้า ระบายความร้อนได้ดี
-ผ้าลายหนัง วัสดุนำเข้า ราคาสูง เนื้อ หนา นุ่ม ทำเลียนแบบ หนัง มีลายนูน ขรุขระ คล้ายหนังแรด ให้สัมผัส ใกล้เคียงหนังจริงๆ นุ่ม ไม่ร้อน
5.หนังแท้
"หนังแท้" ผลิต โซฟาเบด และเก้าอี้พักผ่อน เป็นหนังที่ได้จากสัตว์จริง ๆ โดยเฉพาะหนังวัว ที่จะผลิตมาเป็นตัว ๆไม่ได้เป็นม้วน ไม่เหมือนหนัง PU หรือ PVCการนำมาใช้ตัดเย็บโซฟาเบดต้องอาศัยฝีมือจากช่างและความชำนาญเป็นอย่างมากเพราะหากเกิดความผิดพลาดนิดเดียว ส่งผลต่อต้นทุนของผู้ผลิตได้และขาดทุนได้โซฟาหนังแท้จะมีลักษณะ มีกลิ่นหนัง ผิวมีรูขุมขนในช่วงที่อากาศเย็น สัมผัสแล้วจะรู้สึกอุ่นและในทางตรงกันข้าม ในเวลาที่อากาศร้อน สัมผัสจะรู้สึกเย็นสบายด้านหลังเป็นขน สักหลาด มีความสามารถในการซับน้ำ
ข้อดีของโซฟาเบดหนังแท้ |
ข้อเสียของโซฟาเบดหนังแท้ |
ทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 ปี |
มีราคาสูงมาก เพราะต้องใช้หนังสัตว์จริงมาทำ |
หนังแท้มีความโดดเด่นเรื่องความไฮโซ หรูหรา สง่า และมีรสนิยม |
มีความยากในการตัดเย็บ ต้องอาศัยฝีมือช่างที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญเป็นอย่างมาก |
มีผิวที่สัมผัสนิ่ม เบา และสวย เป็นธรรมชาติ |
ต้องหมั่นเช็ดและเคลือบเงาอยู่เสมอ ดูแลรักษายากกว่าหนังประเภทอื่น ๆ |
ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลานั่ง |
ในช่วงแรกมีกลิ่นเหม็นของหนัง แต่กลิ่นจะจางลง เมื่อใช้ไปนาน ๆ |
ก่อนที่เราจะไปเลือกผ้าหุ้มโซฟา เรามาทำความรู้จักกับผ้าที่นิยมใช้ในแต่ละชนิดกันก่อนนะคะ ว่าผ้าแต่ละชนิดมีคุณสมบัติอย่างไรเหมาะที่เราจะเลือกมาทำผ้าหุ้มโซฟากันหรือเปล่า
1 ผ้าฝ้าย (Cotton) เนื้อผ้าทนความร้อน ดูดซับเหงื่อ และระบายอากาศได้ดี
2 ผ้ากำมะหยี่ (Flannel) เนื้อผ้าจะมีความนุ่ม หากสัมผัสจะเป็นขนนุ่มๆเนื้อผ้าสวยงามข้อมูลเพิ่มเติม>>>
3 ผ้าไหม (Silk) เนื้อผ้าเป็นเอกลักษณ์ พิเศษ ราคาแพง
4 ผ้าโพลิเอสเตอร์ (Polyester) เนื้อผ้ามีความคล้ายกับผ้าฝ้าย แต่ต่างกันที่ดูซับความชื้นได้ค่อนข้างน้อยกว่าผ้าฝ้าย
จากด้านบนก็จะเป็นชนิดผ้าหลักๆนะคะที่นิยมนำมาทำเป็นผ้าหุ้มโซฟาซึ่งก็มีมาให้เราเลือกได้ตามความสะดวกกันเลยนะคะ
4.ความแตกต่างระหว่างเรซิ่นและพลาสติก
เรซิ่นมักจะหมายถึงช่วงของการอ่อนตัวหรือละลายหลังจากถูกความร้อนและมีแนวโน้มที่จะไหลภายใต้แรงภายนอกเมื่ออ่อนตัว เป็นโพลิเมอร์อินทรีย์กึ่งของแข็งและบางครั้งของเหลวที่อุณหภูมิห้อง โพลีเมอร์ใด ๆ ที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการประมวลผลของผลิตภัณฑ์พลาสติกเรียกว่าโพลีเมอร์
พลาสติกหมายถึงวัสดุที่สามารถเกิดการไหลในระหว่างการประมวลผลโดยใช้เรซิ่น (หรือโมโนเมอร์พอลิเมอร์โดยตรงระหว่างการประมวลผล) เป็นส่วนประกอบหลักและสารเติมแต่งเช่นพลาสติ, ฟิลเลอร์, สารหล่อลื่นหรือสารระบายสีเป็น ส่วนประกอบเสริม จะเห็นได้ว่าเรซินเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของพลาสติกและพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของเรซิน
พลาสติกอาจเป็นเรซินบริสุทธิ์หรือส่วนผสมของสารเติมแต่งต่าง ๆ และเรซินทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะ วัตถุประสงค์ของสารเติมแต่งที่เพิ่มคือการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพและทางกลของเรซินบริสุทธิ์เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติการประมวลผลหรือเพื่อบันทึกเรซิน ดังนั้นคุณสมบัติทางเคมีฟิสิกส์พื้นฐานที่สุดของพลาสติกจึงถูกกำหนดโดยธรรมชาติของเรซิน
เรซินสามารถแบ่งออกเป็นเรซินธรรมชาติและเรซินเทียมซึ่งเรียกว่าเรซินสังเคราะห์ เรซิ่นเป็นโพลีเมอร์สูงทั้งหมดและโพลีเมอร์เหล่านี้มีโครงสร้างภายในโมเลกุลที่เป็นเอกลักษณ์และโครงสร้างภายนอกของโมเลกุล โครงสร้างภายในของพอลิเมอร์เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติทางเคมีฟิสิกส์พื้นฐานที่สุดของโพลีเมอร์ในขณะที่โครงสร้างภายนอกของพอลิเมอร์จะกำหนดคุณสมบัติการประมวลผลและคุณสมบัติทางกายภาพและทางกลของพอลิเมอร์ พอลิเมอร์สามารถจำแนกได้เป็นประเภทอสัณฐาน (ประเภทอสัณฐาน) ชนิดกึ่งผลึกและชนิดผลึกตามรูปแบบโครงสร้างของห่วงโซ่หลังจากแข็งตัว ดังนั้นพลาสติกจึงมีชนิดอสัณฐานและผลึก
พลาสติกเป็นวัสดุที่มีความหลากหลายและมีประโยชน์ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆ นี่คือหลายประเภทของพลาสติกที่ใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้:
1. พอลีเอทิลีน (Polyethylene): พลาสติกประเภทนี้มีความยืดหยุ่นสูงและคงทนต่อสภาวะอากาศ จึงใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมได้ เช่น ถังขยะพลาสติก ถุงพลาสติก และรางน้ำพลาสติก
2. พีวีซี (PVC): พลาสติกประเภทนี้มีความทนทานต่อสารเคมีและความแข็งแรง ใช้ในการผลิตท่อ PVC ซึ่งใช้ในระบบท่อน้ำและระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป เช่น โต๊ะเคลื่อนที่ PVC และเก้าอี้ PVC
ข้อมูลเพิ่มเติม>>>
3. อะคริลิค (Acrylic): พลาสติกประเภทนี้มีความโปร่งใสและความแข็งแรงสูง นิยมใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่ต้องการความสวยงามเช่น โต๊ะอะคริลิค และกระจกอะคริลิคข้อมูลเพิ่มเติม>>>
4. โพลิไพรอพิลีน (Polypropylene): พลาสติกประเภทนี้มีความแข็งแรงและทนทานต่อความร้อน นิยมใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ด
ร์ที่ใช้ในสิ่งที่ต้องการความทนทานและความยืดหยุ่น เช่น เก้าอี้พลาสติก ตะแกรงพลาสติก และถังเก็บขยะพลาสติก
5. อัลคาไล (Alkyd): พลาสติกประเภทนี้มีความแข็งแรงและทนทานต่อสารเคมี ใช้ในการผลิตตู้เก็บของและเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องสามารถทนทานความเปียกชื้นและสภาวะอากาศได้ เช่น ตู้เสื้อผ้าพลาสติกและตู้โชว์สินค้า
6. พอลิคาร์บอเนต (Polycarbonate): พลาสติกประเภทนี้มีความแข็งแรงและความโปร่งแสงสูง ใช้ในการผลิตแผ่นคอร์กส์และวัสดุกันกระแทก เช่น หน้าต่างพลาสติกและกระจกคอร์กส์
นอกจากนี้ยังมีประเภทอื่น ๆ ของพลาสติกที่ใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ เช่น พอลิเมอร์เพล็กซ์ (Polyester), อิโพรพีลีน (Epoxy), และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละประเภทของพลาสติกจะมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของคุณ
5.หน้าหินท็อปแต่ละประเภท
-หินอ่อนเทียม หรือ หินเทียม เป็นหินที่เลียนแบบหินธรรมชาติผ่านการผลิตจากวัสดุสังเคราะห์หินเทียม เคลือบผิวหน้าด้วย UV high gloss มีลักษณะมันวาว ทนทานต่อรอยขูดขีด ทนต่อความชื้นและน้ำ ไม่ติดไฟและลามไฟ มีลักษณะคล้ายหินจริง แต่มีราคาย่อมเยาว์ นิยมใช้กับหน้าท็อปโต๊ะ บุบผนังตกแต่งข้อมูลเพิ่มเติม>>>
-หินสวอร์ซ เป็นหินที่มีความแข็งแรงเป็นอันดับต้นๆของหินหลายๆชนิด และมีความสวยงาม เหมาะกับชุดครัวที่เป็นครัวสไตล์โมเดิร์น หรูหร้า หินสวอร์ซในปัจจุบันจะมีทั้งแบบ 100% และ แบบสังเคราะห์ผสมประมาน 95% และอีก 5% คือเรซิ่นและเม็ดสี แบบสังเคาระห์นี้จะสามารถทำสีสันได้หลากหลายกว่า ข้อดีของหินชนิดนี้คือความทนทาน แข็งแรง ทนรอยขีดข่วนได้สูง ทนต่อกรดด่างและสารเคมีได้ดี แต่ก็แรกมาด้วยเรทราคาที่ค่อนข้างสูงพอๆกับหินสังเคราะห์
คุณสมบัติเด่นของหินอ่อน
6.ข้อดีข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์จากวัสดุแต่ละประเภท
ข้อดีของไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด
ข้อดีของไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด
ข้อดีของไม้ MDF
ข้อเสียของไม้ MDF
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติ
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติ
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
ข้อดีเฟอร์นิเจอร์อลูมิเนียม
ข้อเสียเฟอร์นิเจอร์อลูมิเนียม
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์พลาสติก
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์พลาสติก
จะเห็นได้ว่า วัสดุที่ใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์นั้นมีหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใช้งานนั้น เราจะต้องพิจารณาองค์ประกอบต่างๆเช่น ลักษณะการใช้งาน , พื้นที่ใช้สอย , ความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและการรักษาทำความสะอาด ฯลฯ เมื่อพิจารณาอย่างดีแล้ว จึงเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ตรงกับความต้องการนั้น
ขอบคุณบทความและรูปภาพจาก
https://rudeefurniture.com
https://apnhardware.co.th
https://workstationoffice.com
https://www.smartplussofa.net
https://www.goldendragonpvc.com
https://th.schem.net
https://mitsiamfurniture.com
https://www.ulsliving.com
https://www.kitchenform-itt.com